วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศ
 -รูปแบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
 - พฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
 -การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
1. รูปแบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
เทคโนโลยีสารสนเทศสามรถจำแนกตามลักษณะการใช้งาน 6รูปแบบดังต่อไปนี้ คือ
1.1 เทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้ในการเก็บข้อมูล เช่น ดาวเทียมถ่ายทอดภาพทางอากาศ กล้องดิจิทัล กล้องถ่ายวิดีทัศน์ เครื่องเอกซเรย์
1.2 เทคโนโลยีที่ใช้ในการบันทึกข้อมูล
เป็นสื่อบันทึกข้อมูลต่างๆ เช่น เทปแม่เหล็ก จานแม่เหล็ก จานแสง จานเลเซอร์ บัตรเอทีเอ็ม
1.3 เทคโนโลยีที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูล ได้แก่ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์
1.4 เทคโนโลยีที่ใช้แสดงผลข้อมูล เช่น เครื่องพิมพ์ จอภาพ พลอตเตอร์ ฯลฯ
1.5 เทคโนโลยีในการทำสำเนาเอกสาร เช่น เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องถ่ายไมโครฟิล์ม
1.6 เทคโนโลยีสำหรับถ่ายทอดหรือสื่อข้อมูล ได้แก่ ระบบโทรคมนาคมต่างๆ เช่น โทรทัศน์วิทยุกระจายเสียง โทรเลข เทเล็กซ์ และระบบเครื่องถ่ายคอมพิวเตอารร์ทั้งระยะใกล้และไกล
        ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
ตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
มีการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในรูปแบบต่างๆทั้งใน ทางธุรกิจและการศึกษา ดังตัวอย่างเช่น
ศึกษาพบว่า
   นักศึกษาส่วนใหญ่ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อความบันเทิง เนื่องจากเห็นว่ามีความสะดวกในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นในขณะที่การใช้อินเตอร์เน็ตของนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาส่วนใหญ่ใช้เพื่อการเรียนรู้ การติดตามข่าวสารของสถานศึกษา
  ใช้อินเตอร์เน็ต ทำอะไรได้บ้าง?
  งานวิจัยชี้ว่า นักศึกษาส่วนใหญ่ให้เทคโนโลยีสารสนเทศรูปแบบต่างๆ เพิ่มพูนความรู้ และประกอบการทำรายงาน
 สถานที่มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
งานวิจัยพบว่า นักศึกษาส่วนใหญ่ใช้คอมพิวเตอร์ที่บ้านและมีการใช้อินเตอร์เน็ตที่ห้องสมุดสถาบัน
นักศึกษาส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีการใช้หรือมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศน้อย ในรูปแบบไหนรบ้าง?
  งานวิจัย  นักศึกษามีการใช้เทคโนโลยีสารรสนเทศเหล่านี้น้อย ได้แก่ ฐานข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ การเรียนรู้แบบออนไลน์หรือe-Learning  วี(video on demand) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์และบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
-การเรียนรู้แบบออนไลน์ (e-Learning)
-บทเรียนคอมพิวเตอร์(Computer Assisted  Instruction-CAI)
-วีดีทัศน์ตามอัธยาศัย(e-Books)
-การเรียนรู้แบบออนไลน์(e-Learning)
    การเรียนรู้แบบออนไลน์(e-Learning)
เป็นการศึกษาเรียนรู้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ต(Internetหรืออินทราเน็ตItranet) เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเองตามความสามรถและความสนใจของตน โดยเนื้อหาของบทเรียนซึ่งประกอบด้วย ข้อความ รูปถาพ เสียง วีดิโอและมัลติมิเดียอื่นๆ จะถูกส่งไปยังผู้เรียน ผ่านเบราว์ซอร์(web Browser)โดยผู้เรียนผู้สอนและเพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกคน สามารถติดต่อปรึกษาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันได้เช่นเดียวกับการเรียนรู้ในชั้นเรียนปกติ
  โดยอัธยาศัยเครื่องมือการติดต่อสื่อสารที่ทันสมัยสำหรับทุกคนโดยผู้เรียนสามารถรู้ได้ทุกเวลาทุกสถานที่(Learning for all:any one,any where and anytime)
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับการเรียนการสอน
บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน(Computer Assisted Instruction-CAI)
คือ บทเรียนคอมพิวเตอร์ซึ่งนำเสนอสารสนเทศนี้ได้ผ่นกระบวนการการสร้างและพิจารณามาเป็นอย่างดี โดยมีเนื้อหาวิชาหรือสารสนเทศแบบฝึกหัด การทดสอบ และการให้ข้อมูลป้อนกลับให้ผู้เรียนได้ตอบสนองต่อบทเรียนได้ตามระดับความสามารถของตนเอง เนื้อหาวิชาที่นำเสนอจะอยู่ในรูปมัลติมิเดีย ซึ่งประกอบด้วย อักษร รูปภาพ เสียง และหรืออทั้งภาพและเสียง ซึ่งมีพื้นฐาน



โดยอาศัยพฤติกรรมการเรียนรู้(Learning Bechavior) ทฤษฎีการส่งเสริมแรง(Reinforcement Theory) ทฤษฎีการวางเงื่อนไขปฎิบัติ(Operant Conditioning Theroy)  ซึ่งถือว่าความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนองและการเสริมแรงเป็นสิ่งสำคัญ โดยมีจุดมุ่งกหมายนำไปสู่การเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาศัยการสอนที่มีการวางโปรแกรมไว้ล่วงหน้า เป็นการให้ผู้เรียนมีโอกาสเรียนรู้ด้วยตนเองและผลย้อนกลับทันทีและเรียนรู้ไปทีละขั้นตอนอย่างเหมาะสมตามความตต้องการและความสามารถของตนเอง
 วีดิทัศน์ตามอัธยาศัย(video on Demand-VDO)
คือระบบการเรียกดูภาพยนตร์ตามสิ่งที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกดูภาพยนตร์หรือส่งข้อมูลภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียงได้ตามควา Neมต้องการ ตามสโลแกนที่ว่า To view what one want when one when' โดยสามารถใช้งานนี้ได้จากเครือข่ายสื่อสาร(Telecommunications Network) ผู้ใช้งานซึ่งอยู่หน้าเครือลูกข่าย(video Client) สามารถเรียกดูข้อมูลที่เป็นภาพเคลื่อนไหวได้ทุกเมื่อต้องการและสามารถควบคุมข้อมูลวีดิโอนั้นๆ โดยสามารถย้อนกลับ(Rewind) หรือกรอไปข้างหน้า(Forward) หรือหยุดชั่วคราว(Pause) ได้เปรียบเสมือนการดูวีดิโอที่บ้านนั่นเองทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่ายไม่จำเป็นต้องข้อมูลเดียวกัน กล่าวคือ สามารถดูภาพยนตร์เรื่องเดียวกันหรือต่างกันได้
  หนังสืออิเล็กทรอนิกส์(e-Books)
คือ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถอ่านได้ทางอินเตอร์เน็ต โดยมีเครื่องมือที่จำเป็นในการอ่านหนังสือประเภทนี้คือ ฮาร์ดแวร์ประเภทเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพาอื่นๆ พร้อมทั้งติดดตั้งระบบปฎิบัติการซอฟท์แวร์ที่ใช้อ่่านข้อความต่างๆ ตัวอย่างเช่น ออร์แกนไนเซอร์ แบบพกพา
  ส่วนการค้นข้อมูล e-Books ซึ่งจะอยู่บนเว็บไซต์ให้บริการทางด้านที่มาอ่านก็จะใช้วิธีการดาวน์โหลดผ่านทางอืนเตอร์เน็ต เป็นส่วนใหญ่ลักษณะโฟล์ของe-Books หากนักเขียนหรือนักพิมพ์ต้องการสร้าง e-Booksจะสามารถเลือกได้ 4 รูปแบบ คือ Hyper Text Markup Language(HTML) Portable Document Format(PDF) Pcanut Markup Language(PML)และ txtersive Markup Language
  ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ (e-Library)
 เป็นแหล่งความรู้ที่บันทึกข้อมูลไว้ใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายและให้บริการสารสนเทศทางอิเล็กทรอนิกส์หรือผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
 คุณลักษณะสำคัญของห้องสมุด มีดังนี้
1. การจัดการทรัพยากรสารสนเทศทั้งคอมพิวเตอร์
2. ความสามารถในการเข้าถึงสารสนเทศโดยดาวอิเล็กทรอนิกส์
3. บรรณารักษ์หรือบุคลากรของห้องสมุดสมารถแทรกการติดต่อระหว่างผู้ใช้กับห้องสมุดได้ เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้โดยทางอิเล็กทรอนิกส์
4. ความสามารถในการจัดเก็บ รวบรวมและนำส่งสารสนเทศสู่ผู้ใช้โดยทางอิเล็กทรอนิกส์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น